วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

กำเนิด พระพุทธาภิธรรมนิมิต บนแผ่นดินพุทธ-ราชธานีอโศก..•>*



http://www.boonniyom.net/vdoclip-1291-0-0.html
"ตำนานพระพุทธาภิธรรมนิมิต" จากรายการย้อนอดีตชาวอโศก
 โดย ชเลฝัน ดิษฐ์ผู้ดี พิธีกร พาไปสัมภาษณ์พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์
 และผู้เกี่ยวข้อง ถึงที่มาของพระพุทธรูปหินทรายแกะสลักองค์ใหญ่ที่สุด
ของประเทศไทย ที่มีพุทธลักษณะที่งดงาม น่าศรัทธาเป็นยิ่งนั











การสร้างพระพุทธาภิธรรมนิมิต เกิดจากพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ เห็นว่าถึงเวลาที่ชาวอโศกจะสามารถมีพระพุทธรูปเพื่อที่จะเป็นสิ่งแทนพระพุทธองค์, เป็นเครื่องจูงจิตให้ผู้คนได้ระลึกถึง พระธรรมคำสั่งสอนของท่าน ใช้เป็นสื่อสิ่งที่จะให้เกิดประโยชน์ในการเผยแพร่พุทธศาสนาอย่างสัมมาทิฏฐิได้ หินทรายขนาดใหญ่ต้องอาศัยแรงศรัทธาของชาวพุทธ, จากฝีมือช่างแกะสลักหินชั้นเยี่ยม, ต้องรู้แหล่งของหิน วิธีการขนส่ง แรงงานที่ช่วยกันทุ่มเททำงานอย่างจริงจัง สมัครสมานสามัคคี เพื่อที่จะนำไปแกะสลักให้ได้ตามแบบแปลนที่มีพุทธลักษณะอันงาม อย่างที่น่าเคารพศรัทธา ซึ่งในอนาคตจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนเกิดอัศจรรย์ใจในปาฏิหาริย์แบบพุทธที่เกิดจากแรง­ศรัทธา ที่ผู้ที่บรรลุธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ได้สร้างให้เกิดแล้วบนแผ่นดินพุทธ คือ เมืองไทยของเรานี่เอง

ที่มา : http://www.fm-tv.tv/(ท่านสามารถชมรายการของโทรท
ัศน์เพื่อมนุษยชาติ FMTV ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และคลิปรายการย้อนหลัง)



ความหมายของพระพุทธรูปปางตรีลักษณ์
(พระพุทธาภิธรรมนิมิต) โดย พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ กล่าวว่า...

1. โลกุตระ - โลกุตระจิต คือมีจิตบรรลุธรรม จิตที่อยู่เหนือโลกีย์ เหนือลาภ, ยศ, สรรเสริญ โลกียสุข คือจิตเป็นอาริยะ หรือจิตที่มีมรรคผลนิพพาน มีผลอาริยะของพระพุทธเจ้า
2. โลกะวิทูร หมายถึง ความเป็นผู้รู้รอบ รู้ทั้งโลกโลกียะ และรู้ทั้งโลกโลกุตระ แล้วปฏิบัติตนให้พ้นจากโลกียะ จนกระทั่งมาเป็นโลกุตระทั้งหมด คือรู้เท่าทันโลกีย์ รู้จักว่ากิเลสที่เราไปเป็นทาสของโลกีย์คืออะไร ? และปฏิบัติตนไปละล้างกิเลส จนบรรลุเป็นโลกุตระทั้งหมด
3. โลกานุกัมปายะ หมายถึง ผู้ที่อนุเคราะห์โลก คือเป็นผู้ที่อุ้มชูช่วยเหลือเฟือฟายเกื้อกูลโลก สังคมมนุษยชาติอยู่
เพราะฉะนั้นผู้ที่มีคุณลักษณะทั้ง 3 ประการนี้อยู่ก็คือผู้ที่บรรลุธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง




เป็นขั้นตอนการขนย้ายพระพุทธาภิธรรมนิมิตร
ทำจากหินทรายแกะสลักน้ำหนักรวม 150 ตัน ความสูงประมาณ 7 เมตร จำนวน 3 ชิ้น (ส่วนพระเศียร 15 ตัน พระอุระ 50-60 ตัน และหน้าตัก ประมาณ 70 ตันขึ้นไป), จากโรงงานรัชดาหินอ่อน เพื่อนำไปประดิษฐานและประกอบที่พุทธสถานราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 19-20 ธันวาคม 2554 โดยสมณะถักบุญ อาจิตปุณโญ เป็นแม่งานครั้งนี้



คลิปรายการ ย้อนอดีตชาวอโศก ตอนที่ ๕ เป็นเหตุการณ์การขนย้ายฐานหิน(อาสนะศิลา) ไปติดตั้งบนเสาเข็มและฉีดซิเมนต์ใต้ฐานเพื่อความแข็งแรงมั่นคง สำหรับเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธาภิธรรมนิมิต (ซึ่งมีขนาดองค์พระกว้าง ๓.๗๕ เมตร สูง ๗.๑๒ เมตร หน้าตักยาว ๖.๓๗ เมตร น้ำหนักรวม ๑๕๐ ตัน (ประกอบขึ้นจากหินทรายขนาดใหญ่ ๓ ก้อน) ส่วนฐานอาสนะศิลา ๑๒๖ ตัน ) ภาพเหตุการณ์พิธีอัญเชิญเคลื่อนพระพุทธาภิธรรมนิมิต โดยชาวอโศกทั่วประเทศได้ช่วยกันอัญเชิญองค์พระฯ เคลื่อนจากที่ประดิษฐานชั่วคราวขึ้นสู่ฐานอาสนศิลา ระยะทาง ๓๙ เมตร โดยมีพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์เป็นผู้นำการเคลื่อน ในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๙ เริ่มเวลา ๐๗.๒๙ - ๐๙.๓๗ น.
กำเนิดพระพุทธาภิธรรมนิมิตนี้ เมื่อพ่อท่านมีดำริสร้างองค์พระนี้ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ แต่ได้มามีการเริ่มสร้างเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยเสี่ยอ้วน คุณเส็ง คูอุทัย แห่งโรงงานรัชดาหินอ่อน โดยราคาแรกเริ่มที่พระพุทธรูปสูง ๙ เมตรราคา ๑๑ ล้านบาท แต่พ่อท่านคิดว่าต้องการสูงเพียง ๗ เมตร ราคาจึงลดลงเหลือ ๙ ล้านบาท แต่ราคาสุดท้ายซึ่งเสี่ยอ้วนคิดเป็นราคาทำบุญเป็นราคารวม ๕ ล้านบาท สูง ๗ เมตร ตกลงกันได้เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๔๘ ทำแบบจำลององค์พระช่วงเข้าพรรษา ที่สันติอโศก โดยช่างเตี้ย หินที่นำมาสร้างพระพุทธรูปประกอบด้วยหินทรายขนาดใหญ่ ๓ ก้อน โดยทีมงานเครื่องกลหนักทำการขนย้ายเอง ๒ ก้อน ส่วนก้อนที่ ๓ เศียรพระขนย้ายโดยโรงงานรัชดาหินอ่อน เศียรหนัก ๒๕ ตัน ส่วนพระอุระ(อก) ๗๗.๐๙ ตัน ส่วนหน้าตักเป็นหินก้อนใหญ่สุด น้ำหนัก ๑๒๔.๔๒ ตัน ค้นพบหินที่จะใช้สร้างพระพุทธรูปเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๔๙ ทำสัญญาการสร้างเมื่อเดือน มิถุนายน ๒๕๔๙ เคลื่อนย้ายหินทั้ง ๓ ก้อนถึงโรงงานฯ เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฏาคม ๒๕๔๙ ใช้เวลาในการขนย้ายทั้งสิ้น ๑ เดือน ๓ วัน จาก อ.สีคิ้ว - อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ค่าขนย้ายจริง ๔๗๗,๐๐๐ บาท (จากราคาประเมินที่โรงงานตั้งไว้ ๕.๗ ล้านบาท)










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น